วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


เหตุระเบิดปรีดี 31 สุขุมวิท 71 : ใครสั่งทำ






          เป็นข่าวสะเทือนกันไปทั้งกรุง เมื่อชาวอิหร่านกลุ่มหนึ่ง ก่อเหตุระเบิดที่ซอยปรีดี 31 และสุขุมวิท 71 ซึ่งรายละเอียดของข่าวคงเป็นที่ทราบกันแล้ว และภาพคนร้ายคนร้ายขาขาดทั้งสองข้าง นอนร้องโอดโอยอยู่ ก็ยิ่งทำให้สีสันของข่าวเร่งเร้าความสนในมากยิ่งขึ้น แต่ที่น่าสนใจไปยิ่งกว่านั้นคือ "ใครสั่งให้ทำ-หวังผลอะไร"


ประมวลภาพโดยเดลินิวส์ ; http://www.dailynews.co.th/crime/12718

          หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหาชาวอิหร่านที่ถูกจับกุมตัว โดยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า
" ไม่ใช่การก่อการร้าย เป้าหมายเป็นตัวบุคคล เป็นเหตุเหมือนกับที่อินเดีย"
         
          เมื่อแกะรอยข่าวกันไปอีกว่าเหตุที่อินเดียมันคืออะไร ก็ได้ความว่า เป็นเหตุระเบิดเหมือนกัน เป้าหมายคือรถยนต์ของ "นักการฑูตอิสราเอล" และเกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้ที่ ประเทศจอร์เจีย ด้วย
          มูลเหตุจูงใจของการก่อเหตุมาจาก ความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา ให้การสนับสนุน กับ อิหร่านซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่ม "ฮิชบอลเลาะห์"(กลุ่มการเมืองมีกองกำลังของตนเองอยู่ในเลบานอล)อยู่ ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ซึ่งอยู่ในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านถูกลอบสังหารไปหลายคน โดยทางอิหร่านเชื่อว่า เป็นฝึมือของสายลับระดับโลก "มอสสาด" ของอิสราเอล หรือไม่ก็ "CIA"  ของสหรัฐอเมริกา จึงมีรายการ "เอาคืน" 
          หลังเกิดเหตุระเบิดสายตาทุกคู่มองไปที่ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่หัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มฯ นักวิเคราะห์ข่าวสำนักข่าวต่างประเทศวิจารณ์ว่ากลุ่มนี้ไม่เคยโกหก ทำก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ทำก็บอกตามตรงว่าไม่ได้ทำ ความสงสัยจึงพุ่งไปที่อิหร่าน เพราะคงไม่มีใครเที่ยวระเบิดรถกันเล่นถ้าไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน และเป้าหมายก็เป็นบุคคลของคู่ขัดแย้งกับประเทศอิหร่านอยู่ด้วย


          
          ในทางการสืบสวนสอบสวนของไทย สื่อมวลชนรายงานเมื่อ 19 ก.พ.2555 ว่า ช่วงปลายปี 2554 ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอเช่าคอนโดฯ ซึ่งสามารถมองไปยังสถานฑูตอิสราเอลได้ด้วย และซื้อมอเตอร์ไซด์เตรียมการไว้ลักษณะจะใช้ไล่ตามรถบุคคลสำคัญแล้วปาระเบิดซึ่งมีแม่เหล็กไปติดกับรถ    ความสอดคล้องทุกสิ่งทุกอย่างจึงชี้ไปว่า ผู้สั่งการเรื่องนี้น่าจะเป็นอิหร่าน โดยมีเป้าหมายเป็นคนอิสราเอล แต่ผู้ปฏิบัติการผิดพลาดขณะประกอบระเบิดในบ้านเช่า ซอยปรีดีฯ ทำให้ระเบิดขึ้นก่อน จึงต้องรีบแยกย้ายกันหลบหนี จนเกิดเรื่องระเบิดแท็กซี่ และเกิดพลาดซ้ำจนสมาชิกคนหนึ่งขาขาด
          นอกจากนี้ รองนายกฯ อิสราเอลแถลงข่าว(19 ก.พ.2555) ว่า นายพลฯ คนหนึ่งของอิหร่านเป็นผู้สั่งการให้ก่อเหตุระเบิด เพื่อตอบโต้ที่นักวิทยาศาสตร์อิหร่านที่ถูกสังหาร และ "...จะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่หลังจากนี้ด้วย..." ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้อิหร่านจะปฏิเสธตลอดมาว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ก่อนหน้านั้นอิหร่านก็เคยประกาศจะตอบโต้ที่นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ถูกลอบสังหารไปถึง 4 คน
         
                
               สำหรับเป้าหมายการลอบสังหารนั้น หลังเกิดเหตุฝ่ายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับการฑูต แต่ข่าวบางกระแสรายงานว่าเป้าหมายเป็น นายเบนจามิน นายกฯ อิสราเอล ซึ่งจะเดินทางมาชมการแสดงดนตรีนานาชาติ ซึ่งจัดโดยสถานฑูตอิสราเอล ร่วมกับ สถานฑูตสหรัฐอเมริการ ที่เซนทรัลเวิร์ด ในวันที่ 15 ก.พ.2555 



                 แต่บางกระแสข่าวก็คาดว่าเป้าหมาวคือนายเฮฮุด บาฮัก รมว.กลาโหม ซึ่งจะเดินทางมาพบ รมว.กลาโหมของไทย ในวันที่ 15 ก.พ.2555 ซึ่งนายเอฮุดมีประวัติเคยเป็นทหารหน่วยคอมมานโดสังหารศัตรูของอิสราเอลอย่างกล้าหาญมาแล้วหลายราย  แต่หากวิเคราะห์แล้วผู้ปฏิบัติการคงจะพยายามสังหารทั้งสองคน แล้วแต่โอกาสจะอำนวย โดยประกอบระเบิดเตรียมไว้ในวันที่ 14 แต่พลาดเกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน

          ล่าสุด(19 ก.พ.2555) นายกฯอิสราเอลซึ่งอยู่ระหว่างเยือนญี่ปุ่น เรียกร้องให้ประชาคมโลกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน นักวิเคราะห์ข่าวเชื่อว่าปฏิบัติการของอิหร่านครั้งมีเป็นตัวเร่งให้อิสราเอลตัดสินใจโจมตีอิหร่านง่ายและไวขึ้น หลังมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านในฤดูใบไม้ผลิปีนี้(ข่าวหลุดออกมาเพราะพบว่ามีการซ้อมของฝูงบินที่จะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการ โดยชุดแรกเป็นการทิ้งระเบิดเพื่อเปิดหลุมซึ่งโรงงานดังกล่าวซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน และชุดที่สองจะเป็นการทิ้งระเบิดเพื่อทำลายโรงงาน) ซึ่งไทยเราคงต้องรับผลกระทบเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่จะถีบตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน 
         ขณะเดียวกันอิหร่านได้ชี้แจงว่าชาวอิหร่านที่ปฏิบัติการเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน และกล่าวว่าเป็นการวางแผนของอิสราเอลเองเพื่อให้อิหร่านได้รับความเสียหายในสายตาประชมคมโลก  และรัฐบาลอิหร่านก็ได้ส่งเรือรบ 2 ลำ ผ่านช่องแคบสุเอซเข้าสู่ทะเลเมอดิเตอร์ริเนียนซึ่งติดกับประเทศอิสราเอลเพื่อแสดงพลังทางทหารแล้ว


เรือพิฆาต Alvand ที่อิหร่านส่งไปกดดันอิสราเอล ซึ้่งวิเคราะห์กันว่ามีจุดประสงค์เพื่อคอยตรวจจับความเคลื่อนไหวของฝูงบินอิสราเอลที่อาจขึ้นบินไปโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านด้วย

ที่มาของภาพ ; http://en.wikipedia.org/wiki/Alvand_class_frigate
          20 ก.พ.2555 อิหร่านประกาศทำการซ้อมรบ 4 วัน เพื่อซักซ้อมการป้องกันภัยทางอากาศบริเวณที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิหร่านพร้อมตั้งรับการโจมตีทางอากาศอย่างเต็มที่ และอิหร่านประกาศจะยกเลิกการส่งน้ำมันไปให้ อังกฤษ และ ฝรั่งเศล เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรจากกล่มประเทศยุโรป โดยจะส่งน้ำมันขายให้กับลูกค้ารายใหม่แทน ซึ่งคาดหมายกันว่าคือ ประเทศจีน



ที่มาของข่าว ; http://m.posttoday.com/articlestory.php?id=138581


             นายโมเช ยาลอน รองนายกฯ อิสราเอลแถลงว่า "พลจัดวา กอเซ็ม สุเลย์มานี" ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์(Quds) สังกัดกองทัพปฏิวัติอิหร่านเป็นผู้สั่งการให้ปฏิบัติการระเบิด ใน 3 ประเทศ คือ จอร์เจีย,อินเดีย(วันที่ 13) ไทย(วันที่ 14-แต่วันปฏิบัติการจริงน่าจะเป็นวันที่ 15 ที่นายกฯ อิสราเอลมาไทย แต่พลาดเกิดระเบิดเสียก่อน) เพราะระเบิดทั้งสามแห่งมาจากห้องทดลองเดียวกัน โรงงานเดียวกัน รูปแบบการปฏิบัติการก็เหมือนกัน


ที่มาของข่าว ; http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000022671

                    นักวิเคราะห์ทางทหารของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงการที่ปรากฎข่าวอิสราเอลจะส่งฝูงบินไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านว่า "เป็นไปได้ยาก" เพราะจะต้องส่งฝูงบินขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 ลำ บินผ่านประเทศที่ไม่เป็นมิตรเป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กม. ต้องมีการเติมน้ำมันกลางอากาศ และเป็นไปได้ยากที่จะทิ้งระเบิดลงไปเจาะทำลายโรงงานนิวเคลียร์ที่ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินที่ลึกกว่า 30 ฟุต

22 ก.พ.2555 ชีอะฮ์ไทย แก้ต่างแทนอิหร่าน เหตุระเบิดอาจเป็นการสร้างสถานการณ์
ที่มาของข่าว ; http://www.komchadluek.net/detail/20120222/123592/SEJEALไม่ใช่กำหนดจุดก่อการร้าย.html


สรุป ; ใครสั่งทำ - ทำเพื่ออะไร ชี้ออกไปได้สองแนวทาง คือ
1. ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคูดส์ เพื่อสังหารนักการฑูตอิสราเอล (ตามคำแถลงของนายโมเช ยาลอน รองนายกฯ อิสราเอล
2. ฝ่ายอิสราเอลสั่ง  "MKO" ทำ เพื่อสร้างสถานการณ์(ตามคำให้สัมภาษณ์ของ ผู้นำนิกายชีอะฮ์ในไทย และ คำปฏิเสธของอิหร่าน)
          ซึ่งทั้งสองแนวทาง พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า "เป็นเพียงการตอบโต้กันทางสื่อมวลชนเท่านั้น"



"ยุทธศักดิ์-สุกำพล"ไม่ฟันธง"เอ็มเคโอ"บึ้มกลางกรุง ชี้ไร้หลักฐาน แต่ผู้นำมุสลิมชีอะห์ในไทยเชิ่อใช่แน่


ที่มา ; http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329882417&grpid=00&catid=&subcatid=


หน่วยรบพิเศษคุดส์(Quds)

        หน่วยรบพิเศษคุดส์ ซึ่งรองนายกฯอิสราเอลกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิด ก่อตั้งขึ้นเมื่อคราวเกิดสงครามอิรัก - อิหร่าน มีกำลังพลราว 15,000 นาย มีนายพลจัตวา กอเซ็ม สุเลย์มานี เป็นผู้บัญชาการ การบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีอิหร่านแต่เพียงผู้เดียว มีสายลับกระจายไปปฏิบัติการตามประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศ แม้แต่ในไทยเองก็คาดว่าเข้ามาฝังตัวอยู่นานแล้ว แต่ยังไม่ปฏิบัติการใดๆ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬา ได้แนะนำให้รัฐควรประสานงานกับนานาชาติ เกี่ยวกับความร่วมมือสกัดกั้นบุคคลต้องสงสัยนับแต่ขึ้นตอนการเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยบุคคลเหล่านี้คุ้ยเคยประเทศไทยเป็นอย่างดี และมีเครือข่ายในพื้นที่ด้วย
          ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เป็นการยากเลย เพราะหน่วยข่าวกรองของต่างประเทศ ไม่ว่าอิสราเอล หรือ สหรัฐอเมริกา ก็มีข้อมูลบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว และพยายามแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วด้วย แต่รัฐพยายามปิดข่าวด้วยเกรงกระทบด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แล้วทำงานอย่างเงียบๆ แต่ก็ล้มเหลวในการติดตามค้นหา ซึ่งหากกลุ่มผู้ปฏิบัติการไม่ประกอบระเบิดพลาดเอง และสามารถสังหารบุคคลฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ คงเป็นหนังยาวเหมือนกรณีสังหารฑูตซาอุฯ  
          กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริการายงานว่า ภารกิจของหน่วยรบพิเศษคุดส์ มีทั้งทางยุทธวิธีและด้านข่าวกรอง ได้แก่  ปฏิบัติการทางทหารในสนามรบ , รวบรวมข้อมูลกำหนดเป้าหมายวางแผนการโจมตีสถานที่หรือบุคคลสำคัญ , ฝึกกลุ่มผู้ปฏิบัติการหัวรุนแรง , ติดต่อประสานงานการเคลื่อนไหวของสายลับใต้ดิน , ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย ,

วีดีโอการฝึกของหน่วยรบพิเศษคุดส์
http://www.youtube.com/watch?v=2BUwqquI6eQ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ; http://www.dailynews.co.th/crime/13628


กองกำลังเพื่อการปลดปล่อยแห่งชาติอิหร่าน หรือ มุญาฮิดีน(MKO)

เป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน ก่อตั้งโดยนักศึกษาในเตหะรานเพื่อต่อสู้กับระบบกษัตริย์ของอิหร่าน มีสมาชิกประมาณ 30,000 - 50,000 คน ปัจจุบันมีเป้าหมายโดยเรียกร้องให้แยกอำนาจรัฐออกจากศาสนา รูปแบบที่ผ่านมาปฏิบัติการโดยทำการก่อการร้ายต่อสหรัฐ และ อิหร่านเป็นหลัก ยังไม่เคยปรากฎว่ากระทำต่อเป้าหมายอิสราเอล




รูปผู้ต้องสงสัย คนที่ 5 ที่มาของภาพ ; http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329713545&grpid=01&catid=&subcatid=


ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน - อิสราเอล
             อิหร่าน และ อิสราเอล ไม่มีพรมแดนประชิดติดต่อกันจึงไม่มีความขัดแยังในเรื่องพรมแดนหรือลักธิการเมือง  ความขัดแย้งมาจากเรื่องศาสนาและเชื้อชาติ ซึ่งอิสราเอลเป็นประเทศคริสต์ ตั้งอยู่ในแวดวงของประเทศอิสลามถึง 6 ประเทศบวกเข้ากับปาเลสไตน์เข้าไปอีก จึงเกิดความขัดแย้งกันตลอดมา ผนวกเข้ากับสหรัฐอเมริกาเข้าไปหนุนหลังอิสราเอลในลักษณะคล้ายกับว่าเป็นตัวแทนเข้าไปสร้างอิทธิพลในภูมิภาค จึงเป็นที่หวาดระแวงกระทบกระทั่งกันตลอดมา
                 ความขัดแย้งชัดเจนเมื่ออิหร่านเริ่มพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งอิสราเอลถือว่าเป็นภัยอันตราย จึงพยายามทักท้วงตลอดมา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่านถูกลอบสังหารในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 4 คน ตามมาด้วยเหตุการณ์ระเบิดนักการฑูตอิสราเอลใน 3 ประเทศรวมไทยด้วย  แนวโน้มการใช้กำลังทางทหารต่อกันจึงเริ่มถูกนำมากล่าวถึง

ปรียบเทียบแสนยานุภาพทางทหารอิหร่าน - อิสราเอล

ลำดับแสนยานุภาพของกองทัพ ; อิหร่าน ลำดับที่ 12 / อิสราเอล ลำดับที่ 10
กำลังพล ; อิหร่าน ประชากร 70 กว่าล้านคน มีกำลังทหาร 5 แสนกว่านาย / อิสราเอล มีกำลังทหาร 2 แสนนาย แต่ประชาชนอิสราเอลทั้ง 6 กว่าล้านคนเป็นกำลังสำรองพร้อมรบทุกคน
เครื่องบินทางทหาร ; อิหร่าน จำนวน 1030 ลำ / อิสราเอล จำนวน 1964 ลำ แต่ ด้านเครื่องบินรบ อิหร่านมี F-5 และ F-14 ของสหรัฐฯ(ตอนซื้อความสัมพันธ์ยังดีอยู่) ประมาณ 100 ลำ , มิราจของฝรั่งเศล และ มิก 29 ของรัสเซีย รวมกันประมาณ 30 ลำ นอกจากนี้เป็น  F-4 โบราณรุ่นสงครามเวียดนามประมาณ 60 ลำ / อิสราเอล มีเครื่องบินรบและความสามารถของนักบินที่เหนือกว่ามาก โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ประกอบกับรูปแบบการรบทางอากาศที่เปลี่ยนไป ตัวตัดสินแพ้ชนะอยู่ที่ความทันสมัยของระบบเรดาห์และประสิทธิภาพของจรวดที่ยิงกันตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวในระยะ 100 - 200 กม.(ที่มาขับเครื่องบินไล่ยิงกันแบบในหนังนั้น หมดยุคไปแล้ว)  ฝ่ายไหนระบบช่วยเหลือในเรื่องเรดาห์ดีกว่าจึงได้เปรียบ  ล่าสุดอิสราเอลมีแผนบรรจุฝูงบิน F-35สเตลธ์ ซึ่งเป็นเครื่องที่ทันสมัยตัวล่าสุดของสหรัฐ เข้าประจำการอีกด้วย การรบทางอากาศอิสราเอลจึงปิดประตูแพ้ทุกประตู
รถถัง ; อิหร่านประมาณ 1,700 คัน / อิสราเอล ประมาณ 3,000 กว่าคัน ทหารยานเกราะสร้างชื่อเสียงในการรบไว้อย่างมากมาย มีความชำนาญในการรบระดับต้นๆ ของโลก การรบภาคพื้นดินอิสราเอลแม้มีจำนวนทหารน้อยกว่าก็มีชาติพันธมิตรสนับสนุน จึงปิดประตูแพ้อย่างแน่นอน
เรือรบ ; อิหร่านมีเรือดำน้ำ 3 - 5 ลำ และกองเรือพิฆาต เรือฟรีเกต อีกจำนวนหนึ่ง  / อิสราเอล มีเรือดำน้ำ 3 ลำ ไม่มีกองเรือรบ แต่หากเกิดการรบย่อมได้รับสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอย่างแน่นอน การรบทางเรือถึงแม้อิสราเอลไม่แข็งแกร่งแต่ก็ปิดประตูแพ้อย่างแน่นอน
ระบบการป้องกันทางอากาศ ; เป็นปัจจัยหนึ่งที่ชี้แพ้ชนะ เพราะทั้งสองประเทศไม่มีพรมแดนติดกัน การรบจึงต้องใช้เครื่องบินและจรวดโจมตีมาทางอากาศเป็นหลัก โดยฝ่ายรุกน่าจะเป็นอิสราเอลเพราะมีเครื่องบินที่ทันสมัยกว่า อิหร่านนำเครื่องเก่าๆ ขึ้นสกัดกั้นก็คงถูกสอยร่วงหมด ต้องใช้ระบบป้องกันทางอากาศ ร่วมกับ จรวด  "SAM" และ ปตอ.เป็นหลัก ทำหน้าที่สอยเครื่องอิสราเอลที่บินเข้ามาในน่านฟ้า
ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ; อิหร่านมีขีปนาวุธ "Taepodong" ที่ได้ไกลถึง 4,000 - 6,000 กม. /อิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 200 ลูก และสามารถดัดแปลงติดกับขึปนาวุธที่ยิงได้ไกลถึง 7,000 กม.
                 เมื่อเปรียบเทียบกำลังทางทหารแล้ว เห็นได้ว่าอิหร่านแพ้แทบทุกประตู ยุทธวิธีต่อสู้หากถูกโจมดีก็คงเป็นยุทธวิธีกองโจร โดยอาศัยเทือกเขาและถ้ำเป็นที่หลบซ่อนจากการโจมตีทางอากาศ

ขีปนาวุธ  "Taepodong" 


             นอกจากอิหร่านเผชิญกับเครื่องบินรบของอิสราเอลแล้ว ทันทีที่การรบเกิดขึ้น กองเรือ เรือ ยูเอสเอส.อัมบราฮัมส์ ของสหรัฐฯ ต้องเข้ารุมสกรัมด้วยแน่นอน โดยขณะนี้ได้ลอยลำอยู่ในอ่าวเปอร์เซียแล้ว
               ในกองเรือประกอบด้วย เรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ มีเครื่องบินรบประจำการได้แก่ F-18 รุ่นต่างๆ จำนวนกว่า 85 ลำ และมีเรือพิฆาตคอยคุ้มกันอีก 2 ลำ           


ที่มา ; http://www.presstv.ir/detail/226770.html

              วันนี้(23 ก.พ.2555) อิหร่านประกาศความสำเร็จในการซ้อมป้องกันภัยทางอากาศให้กับโรงงานนิวเคลียร์ในทางตอนใต้ของประเทศ อันได้แก่ฝึกประสานกันระหว่าง ระบบเรดาห์ภาคพื้นดิน และจรวดจากพื้นสู่อากาศ ที่จะสามารถทำลายอากาศยานได้ทั้งหมด รวมทั้งเครื่องบินไร้คนขับ UAVs ซึ่งมีเทคโนโลยีหลบการตรวจับของเรดาห์ได้ด้วย

เครื่องบินไร้คนขับซึ่งปฏิบัติการลาดตระเวณหรือสอดแนมได้นาน และยังสามารถติดตั้งจรวดทำลายระยะไกลได้ด้วย
ที่มา ; http://www.dae.mi.th/aeroblog/?p=1449&lang=en-us

             
ภาพประกอบข่าว การพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปของอิหร่าน 

               วันนี้(26 ก.พ.2555) นสพ.ต่างประเทศพาดหัว ซีไอเอ. แถลง...อิหร่านยกเลิกโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปแล้ว สรุป..อิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ตามที่สหรรัฐฯ และ อิสราเอลสงสัย ตอนนี้เขี้ยวเล็บก็มีเพียงแค่ เครื่องบินรบเก่าที่ขึ้นบินเป็นโดนสอยร่วงๆ กับเรือพิฆาตเก่าๆ เรือดำน้ำเก่าๆ ไม่กี่ลำ คงไม่สามารถต้านทานฝูงเรือ ยูเอสเอส.อัมราฮัมส์ ของสหรัฐฯ ได้ ส่วนขีปนาวุํธข้ามทวีปคงทำอะไรไม่ได้มากเพราะต้องเจอกับระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล หมัดเด็ดของอิหร่านน่าจะอยู่ที่กำลังทหารที่มีมากถึง 5 แสนนาย ผนวกกับภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาคล้ายอัฟกานิสถาน โดยอาศัยยุทธวิธีการรบแบบกองโจร




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น