วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

เหว่ย เซียะ กัง /WEI Hsueh Kang


เหว่ย เซียะ กัง /WEI Hsueh Kang
ราชายาเสพติดคนที่ 2
เรื่องราวของ เหว่ย เซียะ กัง ชาวจีนที่นำเงินมาลงทุนพัฒนากองทัพสหรัฐว้า จนเป็นกองทัพที่เกรียงไกร เพื่อคุ้มครองธุรกิจมืด จนถูกทางการสหรัฐอเมริกาประกาศออกหมายจับด้วยค่าหัวสูงถึง 800 ล้านบาท

"ตอนนี้ เหว่ย เซียะ กัง มีเงินมากเกือบเท่างบประมาณประเทศไทย"
หรือ ประมาณ สองล้านล้านบาท
(ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ/ข่าวสด 10 ก.ย.2554)


ภาพประกาศจับเหว่ย เซียะ กัง จากหน้าเว็บ DEA

เหว่ย เซียะ กัง คือใคร มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงมีเงินมากมายขนาดนั้น

พ.ศ.2491 พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ
พ.ศ.2495  เหว่ย เซียะ กัง กำเนิดในมณฑลยูนาน ประเทศจีน(ปัจจุบันอายุ 60 ปี/นับถืง พ.ศ.2555)
พ.ศ.2502 ขณะที่ เหว่ย เซียะ กัง ยังเป็นเพียงตี๋น้อยอายุเพียง 7 ขวบ อีกด้านหนึ่งในรัฐฉาน ชนเผ่ากลุ่มว้า ซึ่งมีพลเมืองกว่า 7 แสนคน  ก่อตั้งขบวนการกู้ชาติเพื่อปลดปล่อยจากการปกครองของรัฐบาลพม่า โดยมี "โปหม่อง" และ "โปเตหวิ่น" เป็นหัวหน้า  หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มว้าก็เขาร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (BCP)
          ต่อมา ครอบครัวเหว่ย เซียะ กัง อพยพเข้ามาอาศัยที่ดอยแม่สะลอง เชียงราย
พ.ศ.2524 เหว่ย เซียะ กัง และพี่น้องตระกูลเหว่ย อันได้แก่ เหว่ยเซียะ กัง,เหว่ย เซียะ หลง และ เหว่ย เซียะ หยิง เข้าร่วมขบวนการค้ายาเสพติดกับราชายาเสพติด "ขุนส่า" อันเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานราชายาเสพติด คนที่ 2 โดยขณะนั้นขุนส่งยังเป็นราชายาเสพติดของโลก ครอบครองการผลิตและค้ายาเสพติดทั้งหมด โดยมีกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่เป็นกองกำลังคุ้มครองธุรกิจมืดอยู่


" ยาเสพติด คือ อาวุธนิวเคลียร์สำหรับการต่อสู้ของชาวรัฐฉาน"
ขุนส่า       


ขุนส่าและนายทหารกองกำลังไทใหญ่กู้ชาติ



                อยู่กับขุนส่าได้ไม่นาน เหว่ยเซียะกัง ยักยอกเงินของขุนส่าประมาณ 50 ล้านบาท หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา 

พ.ศ.2528 เหว่ย เซียะ กัง อายุได้ 33 ปี เขาได้กลับมาร่วมขบวนการยาเสพติดกับ นายอ้าย แซว สือ ,นางหลี อี้ ซิง และ นายพลหลี่ เหวิน ฟาน อดีตทหารกลุ่มก๊กมินตั๋ง
          หลังจากรวบรวมเงินทุนได้เป็นกอบเป็นกำ จึงใช้อำนาจเงินดึงกองกำลังว้า และอดีตกลุ่มคอมมิวนิวส์พม่า (BCP) มาเป็นกองกำลังคุ้มครองในการดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติด คานอำนาจทางทหารกับกองกำลังไทใหญ่ของขุนส่า นอกจากนี้ยังหันไปให้ความร่วมมือกับรัฐบาลพม่าในการต่อสู้กับ ไทใหญ่และขุนส่า จึงทำให้เขาขยายอิทธิพลในรัฐฉานได้อย่างรวดเร็ว

พ.ศ.2531 เหว่ย เซียะ กัง อายุได้ 36 ปี  เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2531 เขาถูกสายข่าวดัดหลัง แจ้งตำรวจ กก.7 กองปราบปราม และ เจ้าหน้าที่ ปปส. จับกุมตัวได้ขณะแฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านโชตนานิเวศน์ ตรงข้ามสนามกอล์ฟล้านนาเชียงใหม่ ตามหมายจับที่1000/263 คดีครอบครองเฮโรอีน ระหว่างคดี ทนายได้ยื่นขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปขึ้นศาลสหรัฐ ในชั้นอุทธรณ์ เหว่ย เซียะ กัง ได้รับการช่วยเหลือจากนายพลทหารผู้หนึ่งรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไทยไปได้ สมดังคำเขาว่า

" เงิน...!!!!   โยนใส่เหล็กๆ อ้า โยนใส่หญ้าๆ ตาย "

             เหว่ย เซียะ กัง หลบหนีออกแนวชายแดนไทย-พม่าไปกบดานอยู่ในเขตอิทธิพลกองกำลังว้า ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ รับผิดชอบงานยาเสพติด กล่าวไว้เมื่อ เดือนกันยายน 2554 ว่า

"ทราบจากหลานของ เหว่ย เซียะ กัง ว่า การหลุดพ้นจากโซ่ตรวนครั้งนี้ เหว่ย เซียะ กัง ซื้ออิสรภาพไปด้วยเงินจำนวน 30 ล้านบาท แต่ไม่ระบุว่าจ่ายให้กับใคร"
(ร.ต.อ.เฉลิมฯ เคยกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ลูกชายคนหนึ่งรู้จักสนิทสนมกันดีกับ หลานชาย เหว่ย เซียะกัง)

ความจริงที่ต้องแก้ไข ร.ต.อ.เฉลิมฯ รอง นายกฯ มาถูกทาง ตั้งคุกสำหรับนักโทษคดียาเสพติดโดยเฉพาะ 
 "มือปืนรับจ้างเข้าไปติดคุกพอพบกับนักโทษยาเสพติด มันต้องคุยกันเชื่อมต่อกัน" 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327215906&grpid=&catid=19&subcatid=1905

พ.ศ.2532 กองกำลังว้า แยกตัวออกจาก พรรคคอมมิวนิสต์พม่า โดยมี เปาโหย่วเฉียง ผู้บังคับกองพลน้อยว้าที่ 683 และ เจ้ายี่ลาย(ปัจจุบันเป็นอัมพาต-2554) ผู้บังคับกองพลน้อยว้าที่ 12 แยกตัวออกมาจัดตั้งเป็น "กองทัพสหรัฐว้า United Wa stste Armies (UWSA) " มีกองบัญชาการอยู่ในเมืองลา ตามแนวชายแดน ไทย - พม่า และในเมืองปางซาง แนวชายแดน จีน - พม่า  

          กองทัพสหรัฐว้า (UWSA-United Wa State Army)  และกองกำลังไทใหญ่ของขุนส่า ปะทะกันบ่อยครั้ง เพื่อแย่งชิงพื้นที่ดอยลาง ด้านตรงข้าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

พ.ศ.2538 กองกำลังของขุนส่า ถูกกองทัพสหรัฐว้า ของ เหว่ย เซียะ กัง รุกตีอย่างหนัก สูญเสียไพร่พลและที่มั่นทางทหารจนอ่อนแรงหมดเสถียรภาพทางการทหาร แตกทัพกระจัดกระจาย รวมทั้งขุนส่าก็หมดอิทธิพลทางการทหารในเขตรัฐฉานไปด้วย
          ขณะที่กองทัพสหรัฐว้า โดยการสนับสนุนของจีนแดงและพม่า เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ มีการพัฒนาที่มั่น โดยว่าจ้าง บริษัทก่อสร้างจากไทยเข้าไปสร้างสาธารณูปโภค โรงพยาบาล ไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทางสำหรับส่งกำลังบำรุงอย่างคึกคัก

          "เขตปกครองของว้าแดงในช่วงเวลานี้ พบว่ามีการก่อสร้างพัฒนาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า ยกเครื่องสร้างใหม่ทั้งเมือง โดยวิศวกร ช่างฝีมือ และแรงงาน ที่ไปรับจ้าง ตลอดจนเครื่องจักรกลต่าง ไปจากไทยทั้งหมด มีการตัดถนนเพื่อส่งกำลังบำรุงมากมาย ช่วงนั้นวงการธุรกิจก่อสร้างในแถบเชียงใหม่ เชียงราย คึกคักมาก....หลังจากนั้นอีกหลายปีมีข่าวว่าผู้รับเหมาก่อสร้างหลายรายถูกหักหลังยึดเครื่องจักรทั้งหมด หลายรายหมดตัวและพักอาศัยมีลูกเมียอยู่ในเมืองว้าโดยไม่กลับมาไทยก็มี"
          "ความเป็นอยู่ของกลุ่มว้าค่อนข้างดีกว่าชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ มีไฟฟ้า และสาธารณูปโภคที่จำเป็น มีโรงพยาบาล ฯลฯ โดยชนพื้นเมืองว้าปลูกบ้านไม้ชั้นเดียวติดพื้นดิน ส่วนกลุ่มผู้ปกครองเป็นชาวจีนอาศัยในบ้านก่ออิฐทันสมัย ด้วยชนชั้นปกครองเป็นชาวจีน ชาวว้าจึงรับวัฒนธรรม มาจากจีนเป็นส่วนใหญ่"
          " นักธุรกิจของไทยบางกลุ่ม ที่ติดต่อค้าขายกับกลุ่มว้าโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด แต่ก็ร่ำรวยจากการ ส่งน้ำมัน ข้าวสาร ยารักษาโรค ฯลฯ ขายให้กับกลุ่มว้า โดยสินค้าส่งผ่านไปทางด่านนักรบชุดดำ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
          "จากสภาพที่พบเห็น ขณะที่ทางการไทยเร่งปราบปรามยาเสพติด แต่ทางการไทยยังเปิดทางให้ยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นผ่านออกไปสนับสนุนให้กับกลุ่มว้าซึ่งเกี่ยวพันกับการผลิตยาเสพติด ในรูปธุรกิจค้าขาย โดยไม่อาจทราบได้ว่าเป็นนโยบายจากระดับสูง หรือ เจ้าหน้าที่ระดับล่างปล่อยปละละเลย"

พ.ศ.2538
นายกรัฐมนตรี ; นายชวน หลีกภัย
ผู้บัญชาการทหารบก ; พล.อ.วิมล วงศ์วานิช
แม่ทัพภาค 3 ; พล.ท.สุรเชษฐ์ เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา

การสวนสนามของทหารกองทัพสหรัฐว้า มีระเบียบวินัยไม่แพ้กองทัพใดในโลก


พ.ศ.2539 ปีนี้ เหว่ย เซียะ กัง รุ่งเรืองมาก ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากองกำลังว้าภาคใต้
          จากการสู้รบระหว่างกองทัพสหรัฐว้า และ กองกำลังขุนส่า ทำให้แสนยานุภาพทางด้านทหารของกองกำลังไทใหญ่ ของขุนส่าอ่อนแรงลงถูกทำลายเกือบทั้งหมด ประกอบกับการที่ทางการสหรัฐอเมริกา ประกาศให้รางวัลนำจับขุนส่าเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 80 ล้านบาท  การดำรงอยู่โดยไม่มีกองกำลังที่เข้มแข็งให้การอารักขา ขุนส่าจึงอยู่สภาวะที่อันตรายเสี่ยงต่อการถูกจับตัวส่งอเมริกา  ขุนส่า เรียกประชุมนายทหารไทใหญ่ เพื่อประกาศวางอาวุธ ในที่ประชุม เจ้ายอดศึก นายทหารระดับสูงของไทใหญ่ผู้หนึ่งถึงกับหลั่งน้่ำตาคัดค้าน แต่ขุนส่าและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ยืนยันวางอาวุธเข้ามอบตัวอยู่ในการควบคุมของทางการพม่า ในเมืองย่างกุ้ง
              นายทหารไทใหญ่เล่าถึงเหตุการณ์ขณะนั้นว่า

" พอพวกเราทราบว่า ขุนส่าจะเข้ามอบตัวกับทหารพม่า หลายคนแอบหนีออกจากค่าย ถ้าถูกจับได้ก็ถูกฆ่า ทหารไทใหญ่ที่อยู่กับขุนส่า ถ้าเลิกเป็นทหารจะถูกฆ่า ตอนขุนส่าประกาศวางอาวุธ ทหารเด็กทหารผู้ใหญ่ วิ่งหนีกระจัดกระจาย บางคนก็ไปเข้าร่ามกับทหารไทใหญ่ท่ีแยกตัวออกไป ส่วนผมไม่ได้เป็นทหารต่อเพราะแม่เป็นห่วง เลยมาหางานทำที่เมืองไทย"


พล.ท.เจ้ายอดศึก ผู้นำทางทหารกองกำลังไทใหญ่(SSA)
ที่มาของภาพ ; http://prachatai.com/journal/2010/05/29691

               หลังสิ้นขุนส่า ผู้ที่ชาวไทใหญ่เชื่อว่าจะช่วยกอบกู้เอกราชได้ แต่เขากลับมาปลีกตัวไปหาความสุขสบาย ละทิ้ง่ชาวไทใหญ่ผู้ยากไร้ไป ชาวไทใหญ่ถูกทางการพม่าจัดการให้อพยพออกจากพื้นที่ยึดครองราว 1,400 หมู่บ้าน ภายใน 7 วัน ให้กระจัดกระจายไปอยู่ตามเมืองที่อยู่การยึดครองของทางการพม่า โดยพื้นที่เดิมหากพบผู้คนจะถูกยิงทิ้งโดยทันที มีผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งถูกตามล่า และสังหารไปมากกว่า 600 คน

                     แม้ต้องเผชิญกับความโหดร้ายเพียงใด แต่ยังมีชาวไทใหญ่หลายกลุ่มที่ไม่ยอมอพยพตามคำสั่งของทางการ คือ กลุ่มคนยากจนซึ่งไม่มีเงินที่จะไปดำรงชีวิตในเมืองได้จึงหลบหนีเข้าป่า อีกกลุ่มคือ ที่หลบหนีเข้ามาทำงานรับจ้างตามแนวชายแดนไทย ส่วน อีกกลุ่มคือ กลุ่มเจ้ายอดศึก ที่นำกำลังทหารราว 800 นาย หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในป่า และต่อมาได้ตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่ บ้านหัวเมือง ดอยไตแลง ด้านตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน , ดอยก่อวัน ดอยก่อเมือง ด้านตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย , ดอยดำ ด้านตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่


สภาพทั่วไปของฐานที่มั่น SSA เจ้ายอดศึก



                ขณะที่ชาวไทใหญ่เผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก ขุนส่าและกลุ่มผู้นำที่ยอมวางอาวุธ ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจได้ในเมืองย่างกุ้ง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

          หมดคู่แข่งคนสำคัญ  เหว่ย เซียะ กัง จึงดุจดั่งพยัคฆ์ติดปีก ขณะนั้น เหว่ย เซียะ กัง 
อายุ  44 ปี เข้าควบคุมการผลิตยาเสพติด ยึดช่องทางส่งยาเสพติดในแนวชายแดนไทย - พม่าด้าน
เชียงใหม่ - เชียงราย ได้ทั้งหมด 
          

ช่องทางลำเลียงยาเสพติดเข้าไทย ด้านเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่


        ในช่วงนี้กองกำลังว้าในภาคใต้ของรัฐฉานเข้มแข็งมาก ขยายอาณาเขตไปถึง เมืองสาด เมืองโตน และเมืองตูน โดยรายได้ส่วนหนี่ง เหว่ย เซียะ กัง ส่งไปยังเมืองหลวงปางซาง ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ จนได้รับความดีความชอบได้รับการแต่งตั้งจาก สหรัฐว้าแดง ให้เป็นหัวหน้าของกองกำลังว้าแดงภาคใต้
          เหว่ย เซียะ กัง สร้างความเจริญให้กับเมืองว้าทางใต้ เป็นอย่างมาก มีชาวว้าแดงจากทางเหนืออพยพมาอาศัยในเมืองว้าทางใต้กว่าหนึ่งแสนคน

           ปลายปีนี้เกิดจุดหักเหสำคัญในเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด กล่าวคือเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี นายเสนาะ เทียนทอง เป็น รมต.สาธารณสุข ในปีเดียวกันนี้ นายเสนาะ ได้เปลี่ยนชื่อ "ยาม้า" เป็น "ยาบ้า" เปลี่ยนสถานะจากยาเสพติดประเภทที่ 3  ซึ่งจำหน่ายได้ตามใบสั่งแพทย์ เป็นประเภทที่ 1 ซึ่งห้ามจำหน่ายและมีโทษที่รุนแรง ส่งผลให้ยาบ้าปรับราคาสูงขึ้น ขบวนการยาเสพติดเดิมผลิตเฮโรอีนเป็นหลัก หันมาผลิตยาบ้าเพิ่มขึ้นเพราะจำหน่ายง่ายกว่าและได้ราคาดีไม่แตกต่างกัน 

พ.ศ.2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" พล.อ.ชวลิต ประกาศลอยตัวเงินบาท ประเทศไทยสู่ยุคข้าวยากหมากแพงประชาชนตกงานยากไร้  มีการรวมกลุ่มออกมาชุมนุม ถ.สีลม และ ทำเนียบรัฐบาล
                6 - 9 พฤศจิกายน 2540 พล.อ.ชวลิต ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทน

พ.ศ.2541 ประเทศไทยเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ IMF 

พ.ศ.2542 ทางการพม่าใช้นโยบายสร้างความขัดแย้งในพื้นที่  มีคำสั่งให้อพยพชาวว้าจากเหนือลงมาทางใต้บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งระหว่างไทใหญ่ กับ ว้า อีกประมาณ 50,000 คน เพื่อให้ชาวว้า แย่งชิงพื้นที่ กับชาวไทใหญ่

พ.ศ.2543 เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 2 ล้านเมกกะวัตถ์ ในพื้นที่รัฐฉาน โดยใช้พลังงานความร้อนจากถ่านหินลิกไนต์ บนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ของบ้านสันทรายไต อ.ท่าขี้เหล็ก จ.เชียงตุง พม่า โดยบริเวณรอบๆจะก่อสร้างเป็นนิคมอุตสาหกรรมเนื้อที่ 1,500 ไร่ มีท่าเรือขนาดใหญ่ไว้รองรับการขนส่งสินค้าทางแม่น้ำโขงด้วย
          ปีนี้ พล.ต.ต.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์(ยศขณะนั้น) ได้รับการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามยาเสพติดในไทยเริ่มเข้มข้นขึ้น
           9 พฤศจิกายน 2543 นายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภาฯ
           ธันวาคม 2543 ทหารพม่าบุกยึดสำนักสงฆ์ "กูเต็งนาโยง" อ.แม่สาย จ.เชียงราย

พ.ศ.2544 ทางการพม่ามีคำสั่ง อพยพชาวว้าจากเหนือลงมาใต้บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่าอีกประมาณ 50,000 คน
          ปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย เป็นสมัยแรก ขณะนั้นยาบ้ากำลังระบาดในไทยอย่างรุนแรง ประชาชนหวาดหวั่นจากข่าวผู้เสพยาบ้าเกิดจิตหลอนจับตัวประกันฆ่าตายเป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องหลายเหตุการณ์ ช่วงนี้ในแถบชายแดน บางพื้นที่มียาบ้าวางขายเหมือนขนม
          พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ประกาศให้การปราบปรามขบวนการยาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วน โดยมี พล.ต.ท.เพรียวพันธ์(ยศขณะนั้น) เป็นแม่ทัพคนสำคัญ 

            ปีนี้สถานการณ์ชายแดน ไทย - พม่า ตรึงเครียด
          8 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารพม่าเปิดฉากรบกับกองกำลัง SSA ของ พ.อ.เจ้ายอดศึก บริเวณฐานเนินปางหนุน และดอยก่อวัน ด้านตรงข้าม ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย
           9 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารพม่าบุกยึดฐานกองร้อยทหารพรานที่ 963 บ้านปางนุ่น กิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ทหารพรานน้อยกว่าจึงล่าถอย พม่ายึดเนินไว้เพื่อจะตีตลบหลัง กองกำลังรัฐฉาน      10 กุมภาพันธ์ 2544 กรมทหารม้าที่ 3 ค่ายผาเมืองเพชรบูรณ์ พัน 16 (รถถัง 1 กองร้อย) , พัน 18 (สายพานลำเลียงพล 1 กองร้อย) เข้าตียึดฐานคืน ทหารพม่าตายเกลื่อน
         11 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารไทยบุกยึดสำนักสงฆ์ "กูเต็งนาโยง" คืนจากพม่า ต่อมาระหว่าง เวลา 12.00-14.00 น. ทหารพม่า 3 กรม สนับสนุนด้วยรถถัง T-69 และปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่และ ค. ใส่อำเภอแม่สายกระสุนตกวัดพระธาตุดอยเวา(หลังที่ว่าการฯ)วัดถ้ำผาจม วัดเวียงพาน บ้านป่าเหมือด และหลังโรงพยาบาลแม่สาย ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยรถถังและเครื่องบินขับไล่ F-5 ที่บินมาจากกองบิน 41 เชียงใหม่ยิงจรวดและภาคพื้นดินยิงปืนใหญ่อัตตาจร 155 มม. ปืนใหญ่ GHN-45 (ยิงได้ไกลถึง 45 กม.) ตอบโต้ทำให้ฝ่ายพม่าได้รับความเสียหายอย่างมาก ถึงตอนนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยิงปืนใหญ่ใส่กัน ไทยเราได้พระเอกคือ เครื่องบินขับไล่ F-5(ฐานบิน 41 เชียงใหม่ ไม่มี F-16)ยิงจรวดถล่มฐานปืนใหญ่พม่าเสียหายทั้งหมด
         13 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารกองทัพสหรัฐว้า กองพลที่ 171 ของ "เหว่ย เซียะ กัง" ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาเสริมกำลังทหารพม่าตามแนวชายแดน ไทย-พม่า ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย
            
           วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทอ.ส่ง F-16 ไปเสริมกำลังที่ฐานบินเชียงใหม่
        ล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ. สั่งเคลื่อนกำลังพลราว 30,000 - 40,000 นายพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากขึ้นไปประชิดชายแดนพม่า โดยใช้เวลาขนย้ายรถถัง และยานเกราะ จำนวนมากต่อเนื่องกันกว่าหนึ่งสัปดาห์ ข่าวลือสะพัดว่า ทหารไทยจะบุกเมืองว้า ทำให้เกิดการปลุกปั่นให้ชาวว้ารวมพลังกันสู้ทหาร
 
          การรบครั้งนี้คือชนวนเริ่มต้น ที่ พตท.ทักษิณ มีปัญหากับ .... เพราะงานนี้ พล.อ.สุรยุทธ สั่งเคลื่อนทหารม้าขึ้นเหนือทั้งกองพล   (ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจสั่งเคลื่อนกำลังระดับกองพล ต้องขออนุมัติจาก รมว.กลาโหมเสียก่อน ซึ่งตอนนั้นคือ พล.อ.ชวลิต) ทหารลำเลียงรถถังมาทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสัปดาห์ ทีวีออกข่าวว่าเป็นการซ้อมรบ ต่อมา พตท.ทักษิณด่าทหารออกสื่อว่า “โอเวอร์รีแอค” สั่งให้ยกกำลังกลับ และดัน พล.อ.สุรยุทธ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. จึงมีปัญหากับ .... ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา
(((((((หลังการรบครั้งนี้พม่าทุ่มเงินซื้อ ขีปนาวุธต่อสู้เครื่องบิน และซื้อ Mig-29 จากรัสเซีย ตามด้วย ฮ.โจมตีรถถังอีกฝูงใหญ่ เหนือกว่าไทยไปหลายขุม
ไทยจึงจำเป็นต้องซื้อหารถถึงรุ่นใหม่ที่ระบบการป้องกันตัวและอาวุธที่ดีขึ้น ซื้อกริพเพ่นมาไว้ปะทะกับ มิก 29 พัฒนาปืนใหญ่อัตตาจร และจรวด DTI เข้าประจำการ))))))
            24 กุมภาพันธ์ 2544 พม่าเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน ไทย - พม่า ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง และ  อ.แม่สาย
ค.120
ที่มาของภาพ ;http://board.postjung.com/563013.html



พ.ศ.2545 ปีนี้ "เหว่ย เซียะ กัง" อายุได้ 50 ปี กองพลที่ 171 ของเขาถูกกวาดล้างอย่างหนักโดย กองกำลัง SSA และ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

          26 เมษายน 2545 กองร้อยทหารพรานที่ 950 ควบคุมตัวทหารไม่ทราบฝ่ายได้จำนวน 2 นาย และในวันเดียวกันกองกำลังอาสาสมัครพม่า เชื้อสายมูเซอซึ่งขึ้นการควบคุมกับ กองพล 171 ของ"เหว่ย เซียะ กัง" ได้นำกำลัง 30 - 40 นาย เข้าปิดล้อมข่มขู่ให้ปล่อยตัวแต่ไม่สำเร็จ ตกค่ำกองกำลังดังกล่าวได้มาล้อมฐานทหารพรานอีกครั้งและได้ยิง ค.ประมาณ 10 นัดเข้ามาในฐานฝ่ายไทยได้ยิงตอบโต้ และใช้ ฮ.จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการรบ

          27 เมษายน 2545 เกิดการปะทะระหว่าง  กองกำลังสหรัฐว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ เมืองยอน พม่า เข้าตีฐานบ้านโป่งไฮ กองกำลังผาเมือง  เชียงราย เกิดการยิงตอบโต้กัน

         

          18 พฤษภาคม 2545 ฐานของกองทัพสหรัฐว้าของ "เหว่ย เซียะ กัง" หลายแห่งถูก กองกำลัง SSA ของ พ.อ.เจ้ายอดศึก บุกโจมตี กองกำลัง SSA ยึดฐานของว้าและพม่าได้ถึง 27 - 28 ฐาน ในช่วงนี้มีข่าวทางหน้า นสพ.ว่า หน่วยรบพิเศษของไทยร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

          19 พฤษภาคม 2545 นสพ.ทั้งไทยและต่างประเทศแพร่ข่าว ไทยและพม่าตกลงจะร่วมกันกวาดล้าง กองกำลังว้าที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้สิ้นซาก

          20 พฤษภาคม 2545 กองกำลังไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีฐานของกองกำลังว้าและพม่า 4-5 ฐาน ทหารเสียชีวิตทั้งฐาน โดยมีนายทหารระดับนายพันของพม่าเสียชีวิตด้วย

          21 พฤษภาคม 2545 ทางการพม่าเปิดเผยข่าวต่อสำนักข่าวต่างประเทศกล่าวหา ไทยสนับสนุนการก่อการร้าย ติดอาวุธให้กองกำลัง SSA บุกโจมตีฐานของกองทัพสหรัฐว้ามีการใช้รถถังและปืนใหญ่ยิงข้ามแดนจาก อ.เวียงแหง และ อ.ปางมะผ้า เข้ามาในฐานทหารว้าและพม่า โดยยืนยันว่าไทยเป็นฝ่ายยิงเพราะ กองกำลัง SSA ไม่มีรถถังและปืนใหญ่ และปฏิเสธไม่เคยอนุญาตให้ทหารไทยบุกทำลายฐานของกองกำลังว้า ขณะที่ทหารไทยได้ปฏิเสธและกล่าวว่า ทหารและยุทธโธปกรณ์ที่เคลื่อนประชิดชายแดนพม่านั้นเป็นเพียงการซ้อมรบ

    

          26 พฤษภาคม 2545 มีกองกำลังบุกโจมตีกองร้อยทหารพรานที่ 3206 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว และมีการปะทะกันตลอดมา 

             ต่อมาเพื่อความเหมาะสมทางการเมือง มีการถอนทหารออกจากแนวชายแดน

  

           30 กันยายน 2545 พล.อ.สุรยุทธ์ ถูกดันออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

         


เครื่องบินรบ มิก 29 
อ่านคุณลักษณะ มิก 29 เพิ่มเติม http://www.thaitechnics.com/aircraft/mig29_t.html

พ.ศ.2546 กองทัพสหรัฐว้า ถูกรัฐบาลพม่ากดดันพร้อมเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับการยกเว้นภาษีอากร และ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด เปิดฉากสู้รบกับไทใหญ่ตอยไตแลง
           ปีนี้การปราบปรามยาเสพติดในไทย เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น 31 มกราคม 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามขั้นแตกหักกับขบวนการค้ายาเสพติด และขอเป็นแม่ทัพใหญ่ในการปราบปรามฯ    นโยบายผู้ค้ายาเสพติด  "ถ้าไม่ถูกจับก็ต้องตาย" ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกสังหารประมาณ 2,275 ราย ขบวนการผู้ค้ายาเสพติดต่างหลบหนีออกจากเขตพื้นที่ค้ายาบ้าของตนเอง ขบวนการค้ายาเสพติดเกิดการชะงักงัน ทำให้ยาบ้าขาดแคลนตลาดอย่างหนัก ปรับราคาจากเม็ดละ 30 - 50 บาท ขึ้นไปเป็น เม็ดละ 200 - 250 บาท มีการจับกุมผู้ผลิตและผู้ค้ารายใหญ่ได้ถึง 2,858 ราย จับกุมผู้ค้ารายย่อย 20,171 ราย และยึดยาบ้าได้ถึง 39 ล้านเม็ด

          เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ เหว่ย เซียะ กัง ด้วย ขณะเดียวกันการสาดน้ำใส่กัน ย่อมเปียกทั้งสองฝ่าย ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ แม้การปราบยาเสพติดทำให้ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนบางส่วน แต่ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ในเวลาต่อมา
           25 สิงหาคม 2546 ขิ่น ยุ้นต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพม่า


ช่องทางลำเลียงยาเสพติด(ลูกศรสีเขียว)จากรัฐฉาน เข้าสู่ไทย บริเวณ อ.เวียงแหง อ.เชียงดาว อ.ฝาง และ อ.แม่อาย

พ.ศ.2547 ไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะวุ่นวายทางการเมือง  เมื่อ นายเอกยุทธ  อัญชัญบุตร นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ชุมนุมปราศรัยที่ท้องสนามหลวงและจัดรายการ เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

          เหมือนผีซ้ำด้ามพลอย 26 ธันวาคม 2547 เกิด"คลื่นยักษ์สึนามิ" ในภาคใต้ของประเทศไทย มีคนตายจำนวนมาก ธุรกิจการท่องเที่ยวเสียหาย

           ทางด้านพม่าก็เกิดเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำ

          18 ตุลาคม 2547 พลเอกอาวุโสตานฉ่วย ปลด ขิ่นยุ้นต์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสั่งกักบริเวณไว้ในบ้านพัก



พ.ศ.2548 เหว่ยเซียะกัง อายุ 53 ปี เริ่มก่อสร้างคฤหาสน์ด้วยงบก่อสร้าง 1,500 ล้านบาท บนเนินเขาที่มีทัศนียภาพสวยงามในเมืองปางซาง ที่ตั้ง บก.ใหญ่ของกองทัพสหรัฐว้า(UWSA) ออกแบบและควบคุมงานโดยวิศวกรชาวไทย โดยหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 6 สิงหาคม 2548 รายงานว่า ระหว่างนี้ นายเหว่ยเซียะกัง ยังพำนักอยู่ที่บ้านปางปอย ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปางซาง มี "บังรอน" หรือ นายสุรชัย เงินทองฟู นักค้ายาเสพติดของไทยหลบหนีไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย




คฤหาสน์ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของ เหว่ย เซียะ กัง



ที่มาของภาพ ; 




          ปีนี้การเมืองในไทยเริ่มร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยมีการเลือกตั้งใหญ่ พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 377 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 แต่มีหลายฝ่ายออกมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง  ต่อมามีการระงับการแพร่ภาพโทรทัศน์ช่อง 11/1 หลังจากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ทางรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ถ่ายทอดทาง "ASTV" เป็นจุดเริ่มต้นของทีวีเสื้อเหลือง

          ขณะที่เมืองไทยกำลังวุ่นวาย พม่าเสริมสร้างความมั่งคงเข้มแข็งยิ่งขึ้นโดยย้ายเมืองหลวงไปที่ "เมืองปินนามา" 
แผนที่แสดงที่ตั้งเมือง"ปินนามา"


ส่วนทางด้านกองทัพสหรัฐว้า ในฤดูแล้งของปีนี้ ช่วงเดือนเมษายน  กองพลที่ 171 ของกองทัพสหรัฐว้า ที่มี เหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับกองพล ร่วมกับทหารพม่า เปิดฉากสู้รบกับ กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ (SSA-Shan State Army) ของ พ.อ.เจ้ายอดศึก เพื่อตีดอยไตแลงกองบัญชาการไทใหญ่ให้แตก แต่ได้รับการต่อต้านอย่างหนัก ซึ่งผู้สื่อข่าวทั้ง เอพี รอยเตอร์ และ บีบีซี รายงานว่า จุดสู้รบอยู่บริเวณฐานป่าไม้ และ ฐานเนินกองคา มีการใช้ปืน ค.120  ค.81 และ ค.82 ยิงถล่มฐานทั้งสองแห่งวันละกว่า 3,000 ลูก พอค่ำก็หยุดรบหุงหาอาหาร รุ่งเช้าก็รบกันใหม่ การสู้รบยืดเยื้อนับเดือน โดยมีการสัมภาษณ์ ร.อ.จายกอน หัวหน้าฐานป่าไม้ว่า "ทหารว้าขึ้นมาตายนับร้อยศพ" แต่ไทใหญ่ก็รักษาฐานไว้ได้ กองกำลังผสมพม่าและกองทัพสหรัฐว้าสูญเสียกำลังพลเป็นอันมากจนต้องล่าถอยไป


พ.ศ.2549 "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ การชุมนุมปราศรัยโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณฯ รุนแรงยิ่งขึ้นโดยมีการรวมตัวที่ สวนลุมฯ ทุกวันศุกร์

          วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 พ.ต.ท.ทักษิณฯ ประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 แต่ 3 พรรคฝ่ายค้าน ได้แก่ ประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน คว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ศาลตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549

          ต้นเดือนกันยายน 2549 เกิดเหตุการณ์คาร์บอม

          วันที่ 19 กันยายน 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ได้นำกำลังทหารออกมาทำการรัฐประหาร จึงไม่มีการเลือกตั้ง ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปร่วมประชุมที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา  รัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงหลายคนถูกจับกุม

          1 ตุลาคม 2549 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


พ.ศ.2550 

          23 ธันวาคม 2550 มีการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกหลังรัฐประหาร ผลการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชน ได้คะแนนสูงสุด 189 ที่นั่ง นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

          ทางด้านพม่า ปีนี้ คืนวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ขุนส่า วัย 73 ปี สิ้นลมหายใจ ที่บ้านพักกลางกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ด้วยโรคชรา 

          ทางด้านกองทัพสหรัฐว้า ปีนี้ ทหารจากกองทัพจีน เข้ามาสอนการใช้ปืนใหญ่ให้กับทหารว้า ที่เขาหลู่ฟาง ด้านทิศตะวันตกของเมืองปางซาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนสนับสนุนกองทัพสหรัฐว้าอยู่ และมีรายงานข่าวว่ากองทัพสหรัฐว้าได้ขุดกองบัญชาการใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ใกล้กับเมืองปางซาง เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศจากเครื่องบินรบพม่า





พ.ศ.2551 ปีนี้ไทยอยู่ในภาวะวุ่นวายทางการเมือง มีการชุมนุมประท้วงตลอดทั้งปี ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดไม่ได้ผล ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ปราบยาเสพติดโดยตรงทุ่มกำลังส่วนใหญ่ไปดูแลการชุมนุมประท้วง สถานการณ์ยาเสพติดกลับมารุนแรงอีกครั้ง ยาบ้าปรับราคาจากเม็ดละ 200 - 250 บาท ลงเหลือ 50 - 70  บาท    

          2 มกราคม 2551 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ สิ้นพระชนม์

          25 พฤษภาคม 2551 กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล นายสมัคร

          26 สิงหาคม 2551 กลุ่มพันธมิตร บุกยึดทำเนียบรัฐบาล

          9 กันยายน 2551 ศาลรัฐธรรมนูญการจัดรายการ "ชิมไป บ่นไป" ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญมีผลให้นายสมัคร และ ครม.พ้นจากตำแหน่ง

          17 กันยายน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

          6 ตุลาคม 2551 กลุ่มพันธมิตรปิดล้อมรัฐสภา เพื่อไม่ให้รัฐบาลนายสมชาย แถลงนโยบายต่อรัฐสภา

          7 ตุลาคม 2551 มีการสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา มีการปะทะต่อเนื่องไปถึงลานพระรูป และหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลจนถึงกลางคืน มีคนเจ็บ 225 ราย และเสียชีวิต 2 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รองนายกฯ

          24 พฤศจิกายน 2551 กลุ่มพันธมิตรบุกยึดสนามบินดอนเมือง และ สนามบินสุวรรณภูมิ

          2   ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

          17 ธันวาคม 2551 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลุ่มพันธมิตร ยุติการชุมนุม

          ขณะที่เมืองไทยเกิดภาวะวุ่นวายทางการเมือง พม่าพัฒนาด้านการทหารโดยเป็นไปได้ว่าจะมีโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์แล้ว

          พฤศจิกายน 2551 นายทหารระดับสูงของพม่า เยือนเกาหลีเหนืออย่างลับๆ เพื่อทำ MOU ให้เกาหลีเหนือช่วยสร้างอุโมงค์เก็บขีปนาวุธ และโครงการทางการทหารอีกหลายโครงการ ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า พม่าได้จัดซื้อขีปนาวุธพิสัยกลาง(ยิงไกล 500 - 1,000 กม.)ซึ่งยิงจากพม่าเล็งเข้ามาที่กรุงเทพได้สบายๆ




         

          ทางด้านพม่าปีนี้สร้าง "เนปิดอว์(ศูนย์บริหารราชการ)" ในเมืองปินนามา เสร็จสิ้น




เนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า






พ.ศ.2552  ไทยยังมีความวุ่นวายทางการเมืองกำลังตำรวจส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในการควบคุมการชุมนุม การปราบปรามยาเสพติดไม่ได้ผลเท่าที่ควร เริ่มจาก...
         
          26 มีนาคม 2552 กลุ่ม นปช.ออกอากาศทางสถานีประชาธิปไตย(D-station/ทีวีคนเสื้อแดง) และชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ที่ สนามหลวง จากนั้นเคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาล มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่เรื่อยมา
          7 เมษายน 2552 มีการประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา กลุ่ม นปช.เคลื่อนขบวนไปขัดขวางการประชุม
          10 เมษายน 2552 กลุ่มแท็กซี่และผู้ชุมนุมออกมาปิดถนนใจกลางกรุงเทพ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 100,000 คน
          11 เมษายน 2552 กลุ่ม นปช.นำโดยนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปะทะกับ กลุ่มเสื้อน้ำเงินที่พัทยา กลุ่ม นปช.บุกเข้าไปในสถานที่ประชุม โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา ผู้นำนานาชาติต้องหนีออกที่ประชุมทาง ฮ. และ เรือ
          12 เมษายน 2552 กลุ่ม นปช.บุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย รถของนายอภิสิทธิ์ถูกล้อม เจ้าหน้าที่ชุดอารักขายิงปืนขู่ ให้รถนายอภิสิทธิ์ฝ่าออกมาได้ ต่อมารถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ เข้าไปติดในฝูงชนอีกคัน หลังจากนั้นตำรวจได้ออกหมายจับแกนนำ นปช.ประมาณ 20 คน
          13 เมษายน 2552 ทหารและตำรวจสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง มีผู้บาดเจ็บ 70 คนสถานี D-station ถูกตัดสัญญาณ ในช่วงกลางคืนผู้ชุมนุมปะทะกับชาวบ้านตลาดนางเลิ้งมีผู้เสียชีวิต 5 คน
          14 เมษายน 2552 แกนนำที่ทำเนียบรัฐบาลประกาศยุติการชุมนุม นายวีระ - น.พ.เหวง-นายณัฐ
วุฒิ เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีการออกหมายจับแกนนำอีกหลายคน
         17 เมษายน 2552 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงครามกว่า 100 นัด แต่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดลูกปืนเพียงเล็กน้อย
         
          ทางด้านกองทัพสหรัฐว้าใน พ.ศ.2552  

         

          17 เมษายน 2552 กองทัพสหรัฐว้า ได้จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปี ที่แยกตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ที่เมืองปางซาง อันเป็นจุดเริ่มต้นของ "กองทัพสหรัฐว้า" โดยมีทหารว้าทำการสวนสนามหลายพันนาย

          ปีนี้ในเดือน เมษายน รัฐบาลพม่าพยายามกดดันให้กองทัพสหรัฐว้า เปลี่ยนสถานะเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน BGP ในบังคับบัญชาของกองทัพพม่า ตามรัฐธรรมนูญของพม่าที่กำหนดให้มีกองทัพในพม่าเพียงกองทัพเดียว ซึ่งได้รับการปฏิเสธจากกองทัพสหรัฐว้า จึงมีผลให้กองทัพสหรัฐว้าเป็นกลุ่มนอกกฎหมายตามรัฐธรรมนูญประเทศพม่า

          ปีนี้ คฤหาสน์มูลค่า 1,500 ล้านบาทของ เหว่ย เซียะ กัง ทื่ บก.ใหญ่สหรัฐว้า เมืองปางซาง สร้างเสร็จแต่ เหว่ย เซียะ กัง ยังไม่ทันได้เข้าพักอาศัย เรื่องนี้ก็แพร่หลาย ภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายปรากฏตามสื่อต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายถูกโจมตีทางอากาศได้ เหว่ย เซียะ กัง จึงขายคฤหาสน์หลังนี้ให้กับ นายเปาโหล่วเหลียง ผู้นำกองทัพสหรัฐว้า

          ส่วนทางด้านพม่ายังมีข่าวหลุดเกี่ยวกับการผลิตขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
          มิถุนายน 2552 นสพ.ญี่ปุ่นแพร่ข่าว ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมและยึดอุปกรณ์ตรวจจับแม่เหล็กซึ่งใช้ในการผลิตขีปนาวุธ ขณะพยายามส่งไปพม่ามาแล้ว 2 ครั้ง นอกจากนี้ นสพ.พม่ายังแพร่ข่าวพม่าซื้ออาวุธอีกหลายรายการจากหลายประเทศ รวมถึงขีปนาวุธสกั๊ดฮว่าซง จากเกาหลีเหนือด้วย


พ.ศ.2553 การเมืองไทยยังคงวุ่นวาย มีการระดมกำลังทหารตำรวจจากทั่วประเทศมาการควบคุมการชุมนุม ยาเสพติดในประเทศไทยระบาดอย่างรุนแรงอีกครั้ง หลังสลายการชุมนุมได้แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงพยายามผลักดันให้มีการปราบปรามยาเสพติด โดยกำหนดนโยบาย 315 มอบหมายให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา  ผู้ช่วย ผบ.ตร.รับผิดชอบ  การปราบปรามยาเสพติดเริ่มเข้มข้นขึ้นแต่นโยบายมุ่งค้นหาผู้เสพยาเสพติดนำตัวเข้ารับการบำบัดเป็นหลัก การจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ ยังไม่โดดเด่น

          26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลพิพากษายึดทรัพย์ จำนวน 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี
          14 มีนาคม 2553 กลุ่ม นปช.เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ มีการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน และมีการใช้ยุทธดาวกระจายเคลื่อนขบวนไปรอบๆ กรุงเทพทุกวัน
          16 - 17มีนาคม 2553 กลุ่ม นปช.นำเลือดไปเทหน้าทำเนียบรัฐบาล หน้าพรรคประชาธิปปัตย์ และ หน้าบ้านนายอภิสิทธิ์(17 มี.ค.)
          20 มีนาคม 2553  เกิดเหตุยิงอาร์พีจีถล่มกระทรวงกลาโหม และโยนระเบิดเข้าไปในที่ทำการ ป.ป.ช.
          27 มีนาคม 2553 เกิดเหตุระเบิดที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และ ช่อง 11
          29 มีนาคม 2553 กลุ่ม นปช.เคลื่อนขบวนไปหน้าค่ายทหาร ราบ 11 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ย้ายสถานที่ทำงานและที่พักไปอยู่ในค่ายทหารดังกล่าว หลังจากนั้นมีการเจรจานอกรอบระหว่างนายอภิสิทธิ์ และ แกนนำ นปช.ที่สถาบันพระปกเกล้า และย้ายการเจรจาไปที่สภาพัฒนาการเมือง ซึ่งสามารถถ่ายทอดสดได้
          เกิดระเบิดใกล้บ้านนายบรรหาร โดยช่วงนี้เกิดเหตุระเบิดใน กทม.บ่อยครั้ง
          3 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนบางส่วนไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์
          5 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีพีเพิ่ลชาแนลเพื่อป้องกันถูกปิดสถานี
          9 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยึดสถานีดาวเทียมไทยคม อ.ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี
          10 เมษายน 2553 ทหารจากพล ม.9 กาญจนบุรี เข้ายึดสถานีไทยคมคืนและตัดสัญญาณสถานีพีเพิ่ลชาแนล(ทีวีคนเสื้อแดง) ช่วงเย็นเกิดการปะทะระหว่างทหารกับผู้ชุมนุมที่แยกคอกวัวมีผู้บาดเจ็บและล้มตาย มี "นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ" นักข่าวรอยเตอร์ถูกยิงเสียชีวิต ฝ่ายทหารถูกยิงด้วย M79 มี พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล ร.2 รอ. เสียชีวิต พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล ร.2 รอ.ปราจีนบุรี(กองกำลังบูรพา) ขาหัก 3 ท่อน พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผบ.ร.12 พัน 2 รอ.สระแก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดต้องผ่าตัดสมอง

          14 เมษายน 2553 กลุ่ม นปช.ยุบเลิกเวทีปราศรัยที่สะพานผ่านฟ้ามารวมที่แยกราชประสงค์เพียงจุดเดียว
          22 เมษายน 2553 เกิดเหตุยิง M79 ใส่ผู้ที่ออกมาชุมนุมต่อต้านการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สีลม มีคนตาย 1 คน บาดเจ็บ 85 คน
          28 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปตลาดไท แต่ทหารตำรวจตั้งแนวกั้นไว้บริเวณถนนวิภาวดี 47 เกิดการปะทะระหว่างทหารและผู้ชุมนุมที่อนุสรณ์สถาน ดอนเมือง มีผู้บาดเจ็บ 16 ราย ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว(รถจักรยานยนต์)จากทำเนียบรัฐบาลซึ่งไปเสริมกำลังที่เกิดเหตุปะทะที่อนุสรณ์สถานถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย
          13 พฤษภาคม 2553 เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หัวหน้าการ์ด นปช.ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากนั้นมีการปราบปรามการชุมนุมโดยใช้กระสุนจริง มีการปะทะระหว่างทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมบรเวณแยกศาลาแดง ประตู2 สวนลุม มี "นายชาติชาย ชาเหลา" เสียชีวิต
          14 พฤษภาคม 2553 มีการปิดล้อมบริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์เพื่อตัดเสบียง มีการปะทะระหว่างทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าสนามมวยลุมพินี หน้าสวนลุมไนท์บาซาร์ กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายไปรวมตัวกันที่ แยกประตูน้ำ และ สถานีรถไฟฟ้าแยกราชปรารภ ช่วงเย็นมีการปาระเบิดควันหลังเวทีปราศรัยมีผู้บาดเจ็บ 15 ราย ,ทหารปะทะกับผู้ชุมนุมที่แยกบ่อนไก่ มีชายไม่ทราบชื่อเสียชีวิต 1 ราย ช่วงกลางคืนทหารปิดถนนสาธร และยิงรถที่ฝ่าเข้าไปในถนนสาธร
          15 พฤษภาคม 2553 หลังเที่ยงคืนวันที่ 14 ทหารยิงรถตู้ที่ฝ่าเข้าเขตห้าม และยิงทหารนาวิกโยธินซึ่งขับรถฝ่าเข้าเขตห้ามเสียชิวิต รุ่งเช้าทหารประกาศ "เขตยิงกระสุนจริง" ทางฝ่ายผู้ชุมนุมซึ่งถูกปิดล้อมอยู่เริ่มขาดอาหารและน้ำ ช่วงเช้าเกิดแหตุปะทะระหว่างทหารกับผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง-ซอยรางน้ำมีผู้ถูกยิงจากมุมสูงหลายราย หลังจากนั้นเกิดการปะทะระหว่างทหารและผู้ชุมนุมที่แยกบ่อนไก่ มีคนตาย 1 คน บาดเจ็บ 6 คน ช่วงเย็นเกิดเหตุยิง M79 ที่แยกบ่อนไก่ และช่วงกลางคืนเกิดเหตุยิง M79 เข้าไปใน สน.ลุมพินี
          16 พฤษภาคม 2553 มีการปะทะระหว่างทหารและผู้ชุมนุมประปรายตลอดทั้งวัน
          17 พฤษภาคม 2553 หลังเที่ยงคืนวันที่ 16 เกิดการยิงต่อสู้ระหว่างทหารที่รักษาการณ์การที่ชุมนุมกับทหารอากาศ 2 นาย ทหารอากาศเสียชีวิต 1 นาย
                     "องค์กรนิรโทษกรรมสากล"ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติการใช้กระสุนจริงปราบปรามการชุมนุม
          18 พฤษภาคม 2553 ทหารนำยานยนต์หุ้มเกราะฝ่าเข้าไปในแนวกั้นของกลุ่มผู้ชุมนุม มีผู้ชุมนุมถูกเสียชีวิต 39 คน ผู้ชุมนุมเผายางรถเพื่อเป็นม่านบังจากการลอบยิงของพลแม่นปืน เกิดกลุ่มควันราวเกิดสงครามกลางเมือง
          19 พฤษภาคม 2553 ทหารเข้าสลายการชุมนุมโดยใช้ยานยนต์หุ้มเกราะนำทางเข้าไปหาผู้ชุมนุม มีการยิง M79 ใส่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง จนแกนนำกลุ่ม นปช.ประกาศยุติการชุมนุม แต่ถูกผู้ชุมนุมโห่ไล่ด้วยความไม่พอใจกล่าวหาว่าแกนนำกลัวถูกจับตาย แต่แกนนำปราศรัยว่า "ไม่ได้กลัวตายแต่เป็นห่วงชีวิตประชาชน ถ้าทหารเข้ามาถึงเวทีปราศรัยจะมีผู้ล้มตายมากกว่านี้" แกนนำบางส่วนเข้ามอบตัวกับตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงที่ชุมนุม ทหารเข้าควบคุมพื้นที่การชุมนุมได้ทั้งหมด วันนี้มีผู้เสียชีวิต 43 คน บาดเจ็บ 365 คน
          หลังยุติการชุมนุมเกิดเหตุเผาอาคารสถานที่โดยรอบการชุมนุม และศาลากลางในหลายจังหวัดทางภาคอิสาน
          ประชาชนประมาณ 3,000 คนหลบหนีเข้าไปในวัดปทุมวนาราม ต่อมาในช่วงเย็น ประชาชนในวัดปทุมวนารามถูกยิงเสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 7 คน ในจำนวนนี้รวมถึง "น้องเกด" พยาบาลที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย 
          20 พฤษภาคม 2553 ตำรวจชุดอรินทราชมารับประชาชนออกจากวัดปทุมวนาราม
          จากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง มีฝ่ายผู้ชุมนุมเสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บหลายร้อยคน คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.

          ทางด้านกองทัพสหรัฐว้าได้ลดแรงกดดันจากนานาชาติ โดยพยายามกำหนดภาพลักษณ์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ทหารกองทัพสหรัฐว้าและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจค้นบ้านเรือนจับกุมยาเสพติด มีการติดป้ายประกาศเข้มงวดเรื่องยาเสพติดทั่วเมืองปางซาง (เรื่องนี้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า ในเขตปกครองกองทัพสหรัฐว้า ห้ามเสพยาเสพติดโดยเด็ดขาด) ในเมืองลา ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จีนจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้กว่า 300 ราย และ ในเมืองปางซางมีการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูกว่า 30 คัน
          อีกทั้ง มีการเผาทำลายยาเสพติดโดยมีผู้นำระดับสูงของกองทัพสหรัฐว้าเข้าร่วมด้วย เช่น
นายจ้าว เหวินกวาง รองประธานกองทัพสหรัฐว้า
นายแซวหมิ่นเหลียง รองประธานกองทัพสหรัฐว้า
นายเปาโหย่งเฉียง รมต.กระทรวงเศรษฐกิจ กองทัพสหรัฐว้า
นายจ้าว โจงจาง เสนาธิการกองทัพสหรัฐว้า
          นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จีนจาก เชียงรุ้ง หนานซาง เมืองแลม ฯลฯ เข้าร่วมพิธีด้วย โดยในพิธี นายจ้าว เหวินกวาง ได้กล่าวว่า ตลอด 5 - 6 ปีที่ผ่านมากองทัพสหรัฐว้าได้มุ่งมั่นปราบปรามยาเสพติดตลอดมา
          ขณะเดียวกัน องค์กรสตรีปะหล่อง ก็ได้แถลงว่า ในรัฐฉานพื้นที่ปกครองของกองทัพสหรัฐว้า มีการปลูกฝิ่นมากขึ้น จากการสำรวจใน อ.น้ำคา และ อ.ม่านตังพบว่า ปี พ.ศ.2548 มีการปลูกฝิ่น 964 เฮกเตอร์ แต่ปี พ.ศ.2552 เพิ่มขึ้นเป็น 4,549 เฮกเตอร์
         
          ในปีนี้การเมืองชนกลุ่มน้อยเริ่มเปลี่ยนดุลอันเป็นผลเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลพม่ากดดันกองกำลังชนกลุ่มน้อยให้เปลี่ยนสถานะมาเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพพม่า กองทัพสหรัฐว้า และกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ จากที่เคยรบกันเมื่อปี พ.ศ.2546 ได้กลับมาเป็นพันธมิตรต่อกัน
          สำนักข่าวอัลจาซีร่าแพร่ข่าว "สายเต็งวิน" นายทหารชาวพม่าเชื้อสายไทใหญ่ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศได้เปิดเผยว่า เคยทำงานในโครงการนิวเคลียร์ของพม่า โดยพม่ามีโครงการพัฒนานิวเคลียร์ในอุโมงค์ใต้ดินเมืองเนปิดอว์ ขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาได้จับตามองเรือ "กังนาม1" ของเกาหลีเหนือซึ่งเข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือย่างกุ้งถึง 2 ครั้ง แต่ทางการพม่าได้ปฏิเสธตลอดมา

          22 มีนาคม 2553 รัฐบาลพม่ากดดันกองทัพสหรัฐว้า โดยเรียกตัวเจ้าหน้าที่ของทางการพม่าออกจากเมืองปางซางและเรียกกำลังอาสาสมัครเข้าไปเสริมกำลังทหารพม่าตามท่าเรือแม่น้ำสาละวินตรงข้ามเขตปกครองกองทัพสหรัฐว้าหลังจากการเจรจาให้กองทัพสหรัฐว้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นกำลังพิทักษ์ชายแดนล้มเหลว
          กองทัพสหรัฐว้าได้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า 200 คนเข้าประชุมฉุกเฉิน เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมวางกำลังทหารเตรียมพร้อมอย่างแน่นหนา มีนักธุรกิจชาวว้าในท่าขี้เหล็กถูกทางการพม่าจับตัวไปกว่า 10 คน ประชาชนชาวว้าบางส่วนที่หวาดวิตกได้อพยพเข้าไปในจีน โดยการกดดันของพม่าครั้งนี้ต้องการให้กองทัพสหรัฐว้าเข้าเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน หรือ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพพม่า แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ และไม่มีการรบเกิดขึ้น

           จากแรงกดดันจากทางการพม่า ปีนี้กองทัพสหรัฐว้าได้ปรับปรุงกองทัพโดย สั่งซื้ออาวุธต่อสู้อากาศยาน และอาวุธประจำกาย ประจำการหลายรายการ เช่น
          - จรวดต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่า แบบ Streal - 2
          - จรวดต่อต้านอากาศยานแบบ HN - 5N  
          - อาวุธประจำกาย AK 47 รุ่นใหม่จากประเทศจีน
          - ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 12.7 ม.ม. และ 14.5 ม.ม.
          - ปืน ค.ขนาด 60 ม.ม. 82 ม.ม. 120 ม.ม. จากประเทศจีน         


จรวดต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่า HN - 5N ที่จีนนำแบบจาก Streal - 2 ของรัสเซียไปผลิตเอง




ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 14.5 ม.ม.

อ่านเพิ่มเติม ; 

http://health2u.exteen.com/20090908/entry-5





พ.ศ.2554 กองพล 171 กองทัพสหรัฐว้า ซึ่งมี เหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับหน่วย ระดมพลทั้งกำลังหลัก และอาสาสมัครพลเรือน ในสังกัดทำการซ้อมรบแนวชายแดนไทย-พม่า พื้นที่เมืองสาด เมืองโต๋น โดยรวมตัวที่บ้านห้วยอ้อ ด้านตรงข้าม บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
          ในปีนี้กองพล 171 ของ เหว่ย เซียะ กัง มี 5 กองพลน้อย ประกอบด้วย
          1) กองพลน้อยที่ 248 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านหัวป่าง บ้านหัวยอด ด้านตรงข้าม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
          2) กองพลน้อยที่ 518 รับผิดชอบพื้นที่ เมืองยอน ด้านตรงข้าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
          3) กองพลน้อยที่ 772 รับผิดชอบพื้นที่ เมืองเต๊าะ เมืองทา และ เมืองจ๊อด ด้านตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
          4) กองพลน้อยที่ 775 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านห้วยอ้อ บ้านบุ่งป่าแขม ด้านตรงข้าม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
          5) กองพลน้อยที่ 778 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านคายโหลง บ้านตากแดด และบ้านน้ำกั๊ด ด้านตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน

          ปลายปี พ.ศ.2554 นี้ ประเทศไทยมีการเลือกตั้งและสลับขั้วรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกฯ รับผิดชอบการปราบปรามยาเสพติด มีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงในการปราบปรามยาเสพติด ขึ้นเป็น ผบ.ตร.นโยบายการปราบปรามยาเสพติดได้เข้มข้นขึ้นอีกครั้ง มีการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ติดต่อกันหลายครั้ง นโยบาย 315 ยังได้รับการสานต่อการค้นหาจับกุมผู้เสพเพื่อนำตัวไปบำบัดยังได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

พ.ศ.2555 ปีปัจจุบัน กองทัพสหรัฐว้า จัดได้ว่าเป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่มี กองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุด มีกำลังพลทั้งหมด 9 กองพลน้อย อยู่ในการบังคับบัญชาของ เหว่ย เซียะ กัง 5 กองพลน้อย อีก 4 กองพลน้อย อยู่ในบังคับบัญชาของ นายเปาโหล่วเหลียง ผู้นำสูงสุดของกองทัพสหรัฐว่า โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบคือ
กองทัพสหรัฐว้า มี 9 กองพล มีกำลังพลกองพลละ 2,000 - 3,000 คน รวมทั้งหมดกำลังพลประมาณ 20,000 - 30,000 นาย
กองบังคับการใหญ่  มีนายเปาโหล่วเหลียง เป็นผู้บังคับหน่วย มีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองปางซาง รับผิดชอบรัฐฉานภาคเหนือด้านติดชายแดนประเทศจีน(ว้าตอนบน) มี 4 กองพลน้อย
          1) กองพลน้อยที่ 318
          2) กองพลน้อยที่ 418
          3) กองพลน้อยที่ 468
          4) กองพลน้อยที่ 618 เป็นกองพลตั้งใหม่ เมื่อ พ.ศ.2553 เพื่อตั้งรับพม่าซึ่งพยายามกดดันให้กองทัพสหรัฐว้าเปลี่ยนสถานะเป็น"กองกำลังพิทักษ์ชายแดน"ต้องอยู่ในบังคับบัญชาเข้ารับการฝึกและรับเงินเดือนจากทหารพม่า และการเคลื่อนไหวของกองทัพพม่าฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวินในรัฐฉานภาคเหนือ รับผิดชอบพื้นที่ เมืองมังแสง เมืองหนองเข็ด มีนายเปาสามราย เป็นผู้บัญชาการกองพล

กองพลที่ 171  มีนายเหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับหน่วย มีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองยอนรับผิดชอบรัฐฉานใต้ ด้านติดชายแดนไทย - พม่า ตรงข้าม เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน มี 5 กองพลน้อย
          1) กองพลน้อยที่ 248 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ .ฝาง จ.เชียงใหม่
          2) กองพลน้อยที่ 518 รับผิดชอบพื้นที่  ด้านตรงข้าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
          3) กองพลน้อยที่ 772 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
          4) กองพลน้อยที่ 775 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
          5) กองพลน้อยที่ 778 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน
          นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐว้า ยังมีกองกำลังอาสาสมัครอยู่ตามเมืองต่างๆ คือ
          1) กองพลน้อยที่ 916 ในพื้นที่เมืองใหม่ แบ่งออกเป็น 5 กองพัน มีกำลังพลอาสาสมัครกองพันละ 200 - 250 นาย รวมกำลังพลราว 1,000 - 1,250 นาย
          2) กองพลน้อยที่ 917 ในพื้นที่เวียงเก่า
          3) กองพลน้อยที่ 918 ในพื้นที่เมืองป๊อก
          งบประมาณของกองทัพได้จากการค้ายาเสพติด และการเก็บภาษี แร่ ป่าไม้ และ พืชผลการเกษตร
          สรุปพอคร่าวๆ แล้ว กองทัพสหรัฐว้ามีกำลังพลราว 30,000 นาย  พร้อม ปืนประจำกาย ปืน ค. จรวดประทับบ่า ขีปนาวุธแบบพื้นสู่อากาศ และ ปืนใหญ่ ทางด้านการข่าวยังไม่ปรากฎว่ามี ยานเกราะ รถถัง หรือ เครื่องบิน เข้าประจำการ

          ปัจจุบัน เหว่ย เซียะ กัง ในวัย 59 ปี ยังเป็นผู้บังคับหน่วยกองทัพสหรัฐว้า กองพลที่ 171 เมืองยอน รัฐฉานใต้ มีกำลังพลในบังคับบัญชาราว 10,000 นาย มีพื้นที่ครอบครองตามแนวชายไทย ตั้งแต่ ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปจนถึง บ้านหัวเมือง ตรงข้าม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน มีเงินมหาศาลราวสองล้านล้านบาท....!!!!!

          ในด้านประเทศไทยบ่อเงินบ่อทองของเหว่ย เซียะ กัง จากการเปิดเผยของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.รักษาการ เลขาธิการ ปปส.กล่าวว่า "...ประเทศไทยมีผู้ติดยาเสพติดมากกว่า 1.2 ล้านคน... "(ล่าสุดเอแบคโพลล์ให้ข้อมูลมีผู้เสพทั่วประเทศ 3.7 ล้านคนฝ19 เม.ย.2555/http://www.komchadluek.net/detail/20120419/128230/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%97.3.7%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99.html )  และ   นายเพิ่มพงษ์ ชวลิต รอง เลขาธิการ ปปส. กล่าวว่า "... มี 338 อำเภอ หรือ มากกว่า 8 หมื่นหมู่บ้าน เป็นพื้นที่เสี่ยงและยาเสพติดได้ระบาดไปกว่าร้อยละ 70 ของหมู่บ้านทั่วประเทศ ทั้งยาบ้าและยาไอซ์...."


สถิติการจับกุมยาบ้าปี 2554 ตัวเลขบนแท่งสีแดงคือ จำนวนยาบ้าที่ตรวจยึดได้แต่ละเดือน


            หากผู้ติดยาเสพติดเสพยาคนละ 1 เม็ด ต่อ วัน ยาบ้าจะขายได้วันละ 1.2 ล้านเม็ด หรือ 36 ล้านเม็ด ต่อ เดือน หรือประมาณ 400 ล้านเม็ด ต่อ ปี คิดที่ราคาเม็ดละ 100 - 200 บาท เป็นเงิน 40,000 - 80,000 ล่้านบาท ต่อ ปี ถ้ารวมค่าใช้จ่ายในการปราบปราม บำบัด ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ น่าจะเกินแสนล้านบาท ซึ่งซื้อเครื่องบินรบ"กริพเพน"พร้อมอุปกรณ์ได้ 1 - 2 ฝูง(4.8 หมื่นล้านบาท/1ฝูง หรือ 12 ลำ) หรือ ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื้อ - ท่าพระ , หัวลำโพง - บางแค ระยะ 27 ก.ม.(51,745 ล้านบาท)ได้สบาย
                จากการติดตามข่าว การจับกุมยาบ้าไม่น่าจะเกินเดือนละ 4 - 5 ล้านเม็ด มีเพียงเดือน มกราคม 2555 นี้ที่จับรายใหญ่ได้ 3.8 ล้านเม็ดรวมกับรายอื่นๆอีกก็ไม่น่าจะเกิน  6 ล้านเม็ด แต่ความต้องการยาบ้ามีถึงเดือนละ 36 ล้านเม็ด ต่อ เดือน เมื่อมีดีมานด์ ย่อมมีชัพพลาย "แสดงให้เห็นได้ว่า มียาบ้าหลุดรอดการจับกุมไปได้มากกว่า 30 ล้านเม็ด ต่อ เดือน"

งบประมาณสำนักงาน ป.ป.ส.ปี 2553 จำนวน 1.7 พันล้านบาท
งบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2554 จำนวน 7.4 หมื่นล้านบาท
งบประมาณกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปี 2554 จำนวน 7.2 ร้อยล้านบาท

        

ภาพจากนักศึกษา แม่โจ้ที่เข้าไปช่วยพัฒนาอาชีพให้กับชาวว้า

  สรุป ; ขอขอบคุณมายังผู้เสพยาเสพติดทั้งหลาย แทน "เหว่ย เซียะ กัง" ด้วย ที่ให้ความกรุณาเป็นลูกค้าที่ดีอย่างเหนียวแน่น ช่วยเสริมสร้างความร่ำรวยให้ เหว่ย เซียะ กัง ด้วยดีตลอดมา

ข้อมูลเพิ่มเติม ;
29 ม.ค.2555   ดุสิตโพลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง "การปราบปรามยาเสพติด" ประชาชนอยากเห็นการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่องไม่มีข้อยกเวันหรือเลือกปฏิบัติ / สาเหตุการระบาดของยาเสพติดเกิดจากเจ้าหน้าที่ละเลย เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจ / แนวโน้มปัญหายาเสพติดจะมากขึ้น /พอใจการปราบปรามในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณมากที่สุด เพราะเด็ดขาด เอาจริงเอาจัง จับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้มาก ปัญหายาเสพติดลดลง
ที่มา ; http://dusitpoll.dusit.ac.th/polldata/2555/25551327803468.pdf

8 ก.พ.2555

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่มีคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์บางฉบับระบุว่าตนไปเบิกเงินงบประมาณในการปราบปรามยาเสพติดมาจำนวน 27 ล้านบาท จากจำนวน 76 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะงบประมาณในการปราบปรามยาเสพติดในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555  ของ 8 กระทรวง 11 หน่วยงาน ได้ 9,000 กว่าล้านบาท  โดยป.ป.ส.ได้รับจัดสรร 2,200 ล้านบาท แต่เนื่องจากรัฐบาลนี้เข้ามายังไม่สามารถจัดทำงบได้ ตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 จึงต้องใช้งบเก่าไปพลางก่อน ซึ่งงบเก่าที่รัฐบาลชุดที่แล้วตั้งไว้ใช้ไปพลางก่อน มีเพียง 1,700 ล้านบาท พวกไม่ประสีประสาเรื่องงบประมาณออกมาพูด หากดูตามเปอร์เซ็นต์แล้วจากจำนวนงบ 9,000 ล้านบาท เบิกมาแค่กว่า600 ล้านบาท คิดเป็นแค่ 7% ซึ่งกรมบัญชีกลางตั้งเกณฑ์ไว้การเบิกงบประมาณใน 1ไตรมาส ให้เบิกได้ร้อยะละ 20
  
ที่มา ; http://www.dailynews.co.th/politics/11522 

บันทึกช่วยจำ 13 ก.พ.2555  ; ร.ต.อ.เฉลิมฯ เสนอกฎหมายลดโทษจำคุกผู้ค้ายาบ้าเหลือไม่เกิน 60 วัน




หมายเหตุ ;  ข้อมูลและภาพในเรื่อง"เหว่ย เซียะ กัง" จัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ไม่สงวนลิขสิทธิ์หากนำไปเผยแพร่เพื่อการศึกษา แต่ขอสงวนสิทธิ์การนำไปใช้เพื่อหวังทางข้อขัดแย้งทางการเมือง  ในเรื่องนี้มีข้อมูลและภาพบางส่วน  มาจากหลายแหล่งที่มา ได้พยายามอ้างอิงที่มาแล้ว บางข้อมูลและภาพ จัดเก็บไว้นานไม่ทราบที่มา จึงไม่ได้อ้างอิงไว้ จึงขออภัยเจ้าของข้อมูลและภาพมา ณ ที่นี้ด้วย หากจะกรุณา แนะนำ แจ้งลบข้อมูลหรือภาพ ที่อาจพาดพิงหรือทำให้บางท่าน ได้รับความเสียหาย หรือไม่สบายใจ  ติชม ได้ที่ email หัวบล็อกนี้ ขอขอบพระคุณ.

..........///จบบริบูรณ์

บันทึกช่วยจำ 21 ตุลาคม 2555
นสพ.ตีข่าวว้าลักลอบนำเข้าน้ำมันจากไทย ไม่น่าเชื่อว่า นสพ.เพิ่งรู้เรื่องนี้ เรื่องนี้เค้าทำกันมา 20 กว่าปีแล้ว ไม่เฉพาะน้ำมัน มีอะไรอีกเยอะแยะ มากมายหลายคนเข้าไปเกี่ยวข้อง พูดมากไม่ได้ ปากจะเป็นภัยครับ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1EYzFOamczTnc9PQ==&sectionid=
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 01:13 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


กองกำลังว้าหน่วย "เหว่ยเซียะกัง" แอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทย กักตุนใช้ฉุกเฉิน

6 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พม่าก็เลว มักๆ ละสิ

    ตอบลบ
  2. ไม่มีความเห็นครับในสมรภูมิ ไม่มีใครดีใครเลว มีแต่ผู้แพ้กับผู้ชนะ ดังคำเขาว่า "แพ้เป็นข้า ชนะเป็นเจ้า "

    ตอบลบ
  3. ไทยนี่แพ้พม่า ตั้งแต่ ยุค ก่อน ลามาจนถึงปัจจุบันจริงๆ

    ตอบลบ
  4. เป็นบทความที่เจาะเบื้องหลังมาได้ดีมากครับ

    ตอบลบ
  5. เป็นบทความที่เรียบเรียงได้ดีมากๆครับ ผมเป็นนักศึกษาจากมช กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ เข้าใจขึ้นมากๆเลยครับ ขอบคุณมากครับผม

    ตอบลบ
  6. ติดต่อกับเขาต้องทำไงคับ

    ตอบลบ